ขนมไทย
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ขนมถังเเตก
10ขนมถังเเตก
แป้งเค๊ก 480 กรัม
ผงฟู 1 ช.ช.
ไข่เป็ด 8 ฟอง
sp 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 520 กรัม
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
กลิ่น + สี
...วิธีทำ...
1. ร่อนแป้ง +ผงฟู พักไว้
2. ตีไข่กับ sp ให้ฟู ใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนขึ้นฟูขาว
3.ใส่แป้งสลับกับ น้ำเปล่า + สีและกลิ่น เริ่มด้วยแป้งจบลงที่แป้ง
...เคล็ดไม่ลับที่เราเจอ...ถ้าอยากให้ขนมเหมือนสาลี่โบราญตีแป้งเสร็จนึ่งเลย
ถ้าอยากให้หน้าแตกเนื้อนิ่มเหมือนชิฟฟ่อน ตีเสร็จแล้วทิ้งไว้ 15 นาที...
...ขอขอบคุณเจ้าของสูตร จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหน เพราะทำมาหลายปีแล้ว...
...จขกท ชอบกินกาแฟค่ะ ก็เลยชอบหาสูตรขนมอร่อยๆ ไว้ทำกินกับกาแฟ
แล้วก็ไปเจอสูตรนี้ในเน็ต จำไม่ได้ว่าเป็นสูตรของท่านใด ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี่ด้วยค่ะ
ก็ทำกินมาเรื่อยๆ ทำเสร็จแจกญาติพี่น้องมั่ง จนกลายเป็นขนมประจำตัว
มีวัน 1 จขกท.ทำขนมไปทำบุญที่วัด ญาติโยมได้ชิมแล้วบอกว่าอร่อย
ก็เลยแนะนำว่าทำไมไม่ทำขาย จขกท.ก็ยังไม่ทำขาย เพราะงานมีทำอยู่ ไม่ว่างค่ะ
แล้วบังเอิญ จขกท.ตกงานค่ะ ธุรกิจที่ทำก็ปิดตัวเลง ตอนนี้เคว้ง ไม่รู้จะทำอะไรดี
ก็เลยลองทำขนมสาลี่ ฝากขายตามร้านกาแฟ ร้านก๊วยเตี๋ยว ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
ก็เลยเอาสูตรขนมสาลี่ มาแจกเพื่อนๆ ไม่ได้ค่ะ เห็นในเฟส มีคนมาขอสูตรเย๊อะ
ก็เลยอดที่จะคิดถึงเพื่อนๆ ในพันทิปไม่ได้ค่ะ ...
แล้วก็ไปเจอสูตรนี้ในเน็ต จำไม่ได้ว่าเป็นสูตรของท่านใด ขอขอบคุณมา ณ.ที่นี่ด้วยค่ะ
ก็ทำกินมาเรื่อยๆ ทำเสร็จแจกญาติพี่น้องมั่ง จนกลายเป็นขนมประจำตัว
มีวัน 1 จขกท.ทำขนมไปทำบุญที่วัด ญาติโยมได้ชิมแล้วบอกว่าอร่อย
ก็เลยแนะนำว่าทำไมไม่ทำขาย จขกท.ก็ยังไม่ทำขาย เพราะงานมีทำอยู่ ไม่ว่างค่ะ
แล้วบังเอิญ จขกท.ตกงานค่ะ ธุรกิจที่ทำก็ปิดตัวเลง ตอนนี้เคว้ง ไม่รู้จะทำอะไรดี
ก็เลยลองทำขนมสาลี่ ฝากขายตามร้านกาแฟ ร้านก๊วยเตี๋ยว ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
ก็เลยเอาสูตรขนมสาลี่ มาแจกเพื่อนๆ ไม่ได้ค่ะ เห็นในเฟส มีคนมาขอสูตรเย๊อะ
ก็เลยอดที่จะคิดถึงเพื่อนๆ ในพันทิปไม่ได้ค่ะ ...
แป้งเค๊ก 480 กรัม
ผงฟู 1 ช.ช.
ไข่เป็ด 8 ฟอง
sp 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 520 กรัม
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
กลิ่น + สี
...วิธีทำ...
1. ร่อนแป้ง +ผงฟู พักไว้
2. ตีไข่กับ sp ให้ฟู ใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนขึ้นฟูขาว
3.ใส่แป้งสลับกับ น้ำเปล่า + สีและกลิ่น เริ่มด้วยแป้งจบลงที่แป้ง
...เคล็ดไม่ลับที่เราเจอ...ถ้าอยากให้ขนมเหมือนสาลี่โบราญตีแป้งเสร็จนึ่งเลย
ถ้าอยากให้หน้าแตกเนื้อนิ่มเหมือนชิฟฟ่อน ตีเสร็จแล้วทิ้งไว้ 15 นาที...
...ขอขอบคุณเจ้าของสูตร จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหน เพราะทำมาหลายปีแล้ว...
ขนมครก
9ขนมครก
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Three days before Valentine's
ขนมครก.. อาจเป็นอาหารเบา ๆ ยามเช้ากับกาแฟถ้วยโปรด บ้างก็เป็นของว่างยามบ่าย หรือกลายเป็นของหวานยามเย็น เพราะขนมครกหาซื้อได้ง่าย กลิ่นหอม.. ชวนหม่ำ.. หวาน.. มัน.. ถูกปาก
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มี "ขนมครก" อยู่ในลิสต์ของหวานสุดโปรดแล้วล่ะก็ ขอให้เกาะกระทู้ไว้ให้มั่น.. แล้วสะกิดคนใกล้ตัวชวนกันมาแคะขนมครกกันดีกว่า เพราะวันนี้เรามีสูตรขนมครกจาก คุณ Three days before Valentine's มาฝากกัน ขอบอกเลยว่าหน้าตาน่าทานสุด ๆ ส่วนรสชาติจะหอม หวาน มัน ขนาดไหนนั้น ต้องลองไปลงมือพิสูจน์กันแล้วล่ะ....
สูตร.... ตัวขนมครก ..
แป้งข้าวเจ้าตราชัางสามเศียร 400 กรัม
แป้งข้าวเหนียวตราช้างสามเศียร 50 กรัม
น้ำกะทิ 3 ถ้วย
น้ำร้อนจัด 4 ถ้วย
วิธีทำ
เริ่มด้วย...เทแป้งข้าวเจ้า 400 กรัม ใส่อ่างผสมค่ะ
ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว 50 กรัม
ค่อย ๆ เท น้ำกะทิตามลงไป 3 ถ้วย
คนแป้ง เบา ๆ มือนะคะ ใส่น้ำร้อน 4 ถ้วย ตามได้เลยค่ะ
เมื่อใส่ส่วนผสม ทุกอย่างครบแล้ว คนแป้ง อย่างรวดเร็วนะคะ ....เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่าง ละลายเข้ากันค่ะ
สูตร...หน้าขนมครก ..
หัวกะทิ 3 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
เกลือ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
เทน้ำตาล ใส่อ่างผสมค่ะ
ตามด้วยเกลือค่ะ
จากนั้น เทหัวกะทิ คนส่วนผสมทุกอย่าง... ให้ละลายเข้ากัน.. เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
นำถาดขนมครก ยกขึ้นตั้งไฟค่ะ เปิดไฟอ่อน ๆ นะคะ ใช้น้ำมันใหม่ ๆ ขอย้ำ..ต้องน้ำมัน ใหม่ ๆ นะคะ เช็ดให้ทั่วทุกหลุมขนมครกเลยค่ะ
ดูซิคะ เอาไว้โรย หน้าขนมครกค่ะ.... แจ่ม...จ๋วย ...แจ๋ว ..น่าเจี๊ยะ...ไหมคะ ??? มีฝอยทอง เผือก ข้าวโพด ต้นหอม ..
พอถาด ขนมครก เริ่มร้อน... สังเกตว่ามีควันขึ้นเล็กน้อย... ตักแป้งตัวขนมครก หยอดได้เลย
..เวลา หยอดแป้งตัวขนมครก อย่าให้เต็มหลุมนะคะ.. เหลือไว้ หยอดหน้าขนมครกค่ะ..
หยอดไปได้ สัก 6-7 หลุม ต้องรีบกลับมาหยอดหน้าขนมค่ะ เพราะถ้าปล่อยให้แป้งตัวขนมสุก.. หน้าขนมที่เป็นหัวกะทิ.. จะไหล...หก..ตกทิ้ง.. น่าเสียดายค่ะ
เรามาโรยหน้าขนมครกกันเลยค่ะ เมื่อโรยหน้า ขนมตรบแล้ว.. ปิดฝา...นั่งรอ..จินตนาการกันนะคะว่า จะไหม้...เอ้ย..ขออภัยค่ะ .. จะอร่อย..เพียงไร....
มาเปิดฝา ขนมครก กันค่ะ ยกจานมาค่ะ จะ..แคะ..ขนมครกแล้ว
และนี่ก็คือ ขนมครกสวย ๆ สำหรับทุกคน ลองไปทำกันดูนะจ๊ะ
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Three days before Valentine's
ขนมครก.. อาจเป็นอาหารเบา ๆ ยามเช้ากับกาแฟถ้วยโปรด บ้างก็เป็นของว่างยามบ่าย หรือกลายเป็นของหวานยามเย็น เพราะขนมครกหาซื้อได้ง่าย กลิ่นหอม.. ชวนหม่ำ.. หวาน.. มัน.. ถูกปาก
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มี "ขนมครก" อยู่ในลิสต์ของหวานสุดโปรดแล้วล่ะก็ ขอให้เกาะกระทู้ไว้ให้มั่น.. แล้วสะกิดคนใกล้ตัวชวนกันมาแคะขนมครกกันดีกว่า เพราะวันนี้เรามีสูตรขนมครกจาก คุณ Three days before Valentine's มาฝากกัน ขอบอกเลยว่าหน้าตาน่าทานสุด ๆ ส่วนรสชาติจะหอม หวาน มัน ขนาดไหนนั้น ต้องลองไปลงมือพิสูจน์กันแล้วล่ะ....
สูตร.... ตัวขนมครก ..
แป้งข้าวเจ้าตราชัางสามเศียร 400 กรัม
แป้งข้าวเหนียวตราช้างสามเศียร 50 กรัม
น้ำกะทิ 3 ถ้วย
น้ำร้อนจัด 4 ถ้วย
วิธีทำ
เริ่มด้วย...เทแป้งข้าวเจ้า 400 กรัม ใส่อ่างผสมค่ะ
ตามด้วยแป้งข้าวเหนียว 50 กรัม
ค่อย ๆ เท น้ำกะทิตามลงไป 3 ถ้วย
คนแป้ง เบา ๆ มือนะคะ ใส่น้ำร้อน 4 ถ้วย ตามได้เลยค่ะ
เมื่อใส่ส่วนผสม ทุกอย่างครบแล้ว คนแป้ง อย่างรวดเร็วนะคะ ....เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่าง ละลายเข้ากันค่ะ
สูตร...หน้าขนมครก ..
หัวกะทิ 3 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
เกลือ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
เทน้ำตาล ใส่อ่างผสมค่ะ
ตามด้วยเกลือค่ะ
จากนั้น เทหัวกะทิ คนส่วนผสมทุกอย่าง... ให้ละลายเข้ากัน.. เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
นำถาดขนมครก ยกขึ้นตั้งไฟค่ะ เปิดไฟอ่อน ๆ นะคะ ใช้น้ำมันใหม่ ๆ ขอย้ำ..ต้องน้ำมัน ใหม่ ๆ นะคะ เช็ดให้ทั่วทุกหลุมขนมครกเลยค่ะ
ดูซิคะ เอาไว้โรย หน้าขนมครกค่ะ.... แจ่ม...จ๋วย ...แจ๋ว ..น่าเจี๊ยะ...ไหมคะ ??? มีฝอยทอง เผือก ข้าวโพด ต้นหอม ..
พอถาด ขนมครก เริ่มร้อน... สังเกตว่ามีควันขึ้นเล็กน้อย... ตักแป้งตัวขนมครก หยอดได้เลย
..เวลา หยอดแป้งตัวขนมครก อย่าให้เต็มหลุมนะคะ.. เหลือไว้ หยอดหน้าขนมครกค่ะ..
หยอดไปได้ สัก 6-7 หลุม ต้องรีบกลับมาหยอดหน้าขนมค่ะ เพราะถ้าปล่อยให้แป้งตัวขนมสุก.. หน้าขนมที่เป็นหัวกะทิ.. จะไหล...หก..ตกทิ้ง.. น่าเสียดายค่ะ
เรามาโรยหน้าขนมครกกันเลยค่ะ เมื่อโรยหน้า ขนมตรบแล้ว.. ปิดฝา...นั่งรอ..จินตนาการกันนะคะว่า จะไหม้...เอ้ย..ขออภัยค่ะ .. จะอร่อย..เพียงไร....
มาเปิดฝา ขนมครก กันค่ะ ยกจานมาค่ะ จะ..แคะ..ขนมครกแล้ว
ขนมไข่ปลา
8ขนมไข่ปลา
ส่วนผสมและสัดส่วน
1. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
2. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
3. น้ำตาลทรายทำน้ำเชื่อม 500 กรัม
4. เนื้อลูกตาลยี 500 กรัม
5. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
6. เกลือป่น เล็กน้อย
7. ใบเตยต้มใส่ในน้ำเชื่อม 5 - 10 ใบ
2. แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
3. น้ำตาลทรายทำน้ำเชื่อม 500 กรัม
4. เนื้อลูกตาลยี 500 กรัม
5. มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
6. เกลือป่น เล็กน้อย
7. ใบเตยต้มใส่ในน้ำเชื่อม 5 - 10 ใบ
วิธีปรุง
1. ทำน้ำเชื่อมไว้ก่อน โดยต้มน้ำใส่ใบเตยลงไป ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปคนให้ละลายตั้งไฟอ่อนมากๆไว้
2. ผสมแป้งเพื่อทำตัวขนม แป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว เทใส่ในกะละมัง ใส่เนื้อลุกตาลยีลงไป
3. นวดผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแห้งเกินไป ค่อยๆเติมน้ำนะค่ะ อย่าเติมที่เดียวเยอะ จะแฉะเกินไป
4. จากนั้นปั้นเป็นเส้นๆ ลักษณะเหมือนไข่ปลา เอาปลายมาทับกันไว้ เรียงใส่ถาดรอต้มไว้
5. น้ำเชื่อมที่ได้แบ่งใส่กะละมังอีกใบไว้สำหรับแช่ขนมไข่ปลาที่ต้มสุกแล้ว เอาขนมไส้ปลาที่ปั้นไว้ลงต้มในน้ำเชื่อมที่เหลือ ต้มจนสุกขนมไข่ปลาที่สุกแล้วจะลอยขึ้นมา ช้อนมาใส่ในน้ำเอมที่แบ่งไว้
6. เวลาจะกินก็เตรียมมะพร้าวคลุกกับเกลือสำหรับคลุก ช้อนเอาแต่เนื้อขนมไข่ปลา เอามาคลุกกับมะพร้าวจัดใส่จานค่ะ
2. ผสมแป้งเพื่อทำตัวขนม แป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว เทใส่ในกะละมัง ใส่เนื้อลุกตาลยีลงไป
3. นวดผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแห้งเกินไป ค่อยๆเติมน้ำนะค่ะ อย่าเติมที่เดียวเยอะ จะแฉะเกินไป
4. จากนั้นปั้นเป็นเส้นๆ ลักษณะเหมือนไข่ปลา เอาปลายมาทับกันไว้ เรียงใส่ถาดรอต้มไว้
5. น้ำเชื่อมที่ได้แบ่งใส่กะละมังอีกใบไว้สำหรับแช่ขนมไข่ปลาที่ต้มสุกแล้ว เอาขนมไส้ปลาที่ปั้นไว้ลงต้มในน้ำเชื่อมที่เหลือ ต้มจนสุกขนมไข่ปลาที่สุกแล้วจะลอยขึ้นมา ช้อนมาใส่ในน้ำเอมที่แบ่งไว้
6. เวลาจะกินก็เตรียมมะพร้าวคลุกกับเกลือสำหรับคลุก ช้อนเอาแต่เนื้อขนมไข่ปลา เอามาคลุกกับมะพร้าวจัดใส่จานค่ะ
ขนมเขียว
6ขนมเขียว
|
ขนมขี้หนู
6ขนมขี้หนุ
0
17713
0
ขนมไทยอีกชนิดที่เอามาฝากกัน ขนมขี้หนูหรือขนมทราย ขนมชนิดนี้เป็นขนมอีกชนิดที่เราชื่นชอบในความคิดสร้างสรรค์ ขนมเป็นเม็ดเล็กๆ ก็เอาไปเปรียบกับขี้หนู แต่เวลากินเข้าไปรู้สึกมันเป็นเม็ดๆ เหมือนเม็ดทรายกินแล้วต้องหาน้ำกินตาม ตามประวัติของขนมชนิดนี้ เป็นขนมที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี การจะทำขนมชนิดนี้ให้อร่อยต้องอาศัยความชำนาญ เนื้อขนมจึงจะนุ่ม ไม่แข็งกระด้างหรือ แฉะเละจนกินไม่อร่อย
ส่วนผสมและสัดส่วน
1. แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
2. น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย
3. มะพร้าวขูดขาว 1 ลูก
4. น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วยตวง
2. น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วย
3. มะพร้าวขูดขาว 1 ลูก
4. น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วยตวง
วิธีปรุง
1. แป้งข้าวเจ้า น้ำดอกไม้ ครึ่งหนึ่ง (1 ถ้วย) นวดให้เข้ากันจริงๆแล้วปริมาณลดได้ ถ้าเห็นว่าแป้งที่นวดแชะเกินไป
2. นำแป้งที่ผสมได้ ห่อด้วยผ้าขาวบาง มัดปากให้แน่นจะแขวนไว้ หรือหาของหนักทับไว้เอาน้ำออกให้หมด
3. นำแป้งยีเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปใส่ถาดผึ่งแดดให้หมาดๆ เลือกเอาพวกฝุ่นหรือเศษฝุ่นที่อาจติดมาเอาออก หรือจะใช้วิธีการร่อน
4. แป้งที่ร่อนแล้วไปใส่ในผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งในซึ้งจนสุก
5. สีที่ได้เกิดจากนำน้ำตาลทรายไปผสมกับน้ำลอยดอกไม้และสีผสมอาหาร แล้วนำไปเคี่ยวโดยใช้ไฟอ่อน จนน้ำตาลละลายดี ปิดไฟและกรองน้ำเชื่อมด้วยผ้าขาว
5. เทน้ำเชื่อมที่ได้ใส่ในแป้งที่นึ่งสุก ค่อยๆ คนให้เข้ากัน จากนั้นทิ้งไว้สักพักให้เนื้อแป้งฟูดี
6. เวลาเสิร์ฟ โรยด้วยมะพร้าวขูดขาววที่นึ่งสุกแล้ว
2. นำแป้งที่ผสมได้ ห่อด้วยผ้าขาวบาง มัดปากให้แน่นจะแขวนไว้ หรือหาของหนักทับไว้เอาน้ำออกให้หมด
3. นำแป้งยีเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปใส่ถาดผึ่งแดดให้หมาดๆ เลือกเอาพวกฝุ่นหรือเศษฝุ่นที่อาจติดมาเอาออก หรือจะใช้วิธีการร่อน
4. แป้งที่ร่อนแล้วไปใส่ในผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งในซึ้งจนสุก
5. สีที่ได้เกิดจากนำน้ำตาลทรายไปผสมกับน้ำลอยดอกไม้และสีผสมอาหาร แล้วนำไปเคี่ยวโดยใช้ไฟอ่อน จนน้ำตาลละลายดี ปิดไฟและกรองน้ำเชื่อมด้วยผ้าขาว
5. เทน้ำเชื่อมที่ได้ใส่ในแป้งที่นึ่งสุก ค่อยๆ คนให้เข้ากัน จากนั้นทิ้งไว้สักพักให้เนื้อแป้งฟูดี
6. เวลาเสิร์ฟ โรยด้วยมะพร้าวขูดขาววที่นึ่งสุกแล้ว
ขนมจีบไทย
5ขนมจีบไทย
ขนมจีบนกไทย ขนมไทยหายากที่หลายคนอาจจะยังไม่เห็นและไม่เคยกิน มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ แต่ตอนนี้หากินยากมากแล้ว ลองมาทำกินเองเล่น ๆ นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้วยังช่วยอนุรักษ์ความเป็นไทยไปในตัวด้วย
เด็กรุ่นใหม่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับขนมจีบหมู ขนมจีบกุ้ง หรือขนมจีบปูกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็น "ขนมจีบนกไทย" หรือขนมจีบตัวนก เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินกันแน่ ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจะชวนมาย้อนวันวานไปทำขนมจีบนกไทย อาหารว่างแบบไทยโบราณที่ในสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนทำขายจึงหากินได้ยากแล้ว ซึ่งวิธีทำขนมจีบนกไทยสูตรนี้มาจาก คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ดัดแปลงมาจากสูตรต้นตำรับของอาจารย์จันทิรา นวทิศพาณิชย์ จากโครงการอนุรักษ์ขนมไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ในรายการครัวคุณต๋อยนั่นเอง
สิ่งที่ต้องเตรียม
ส่วนผสม ไส้ขนมจีบ
กระเทียม 3 กลีบ
รากผักชี 4-5 ราก
พริกไทย (ปริมาณมาก-น้อยตามชอบ)
หอมใหญ่ (ขนาดกลาง) สับละเอียด 1 หัว
เนื้อกุ้งสับละเอียด 400-500 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
สีผสมอาหารสีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า, สีม่วง
หมายเหตุ : แป้งน้อยกว่าไส้ไปหน่อยค่ะ ก็เลยทำเบิ้ลสูตรค่ะ ได้ออกมาพอดีค่ะ ถ้าใครไม่อยากทำเยอะก็ลดไส้ลงได้ค่ะ
อุปกรณ์
ชุดนึ่ง
ใบตอง
แหนบ (สำหรับจับจีบขนม)
อื่น ๆ
แครอท
งาดำ
น้ำมันกระเทียมเจียว
ผักกาดหอม
ผักชี
พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีผัดไส้ขนมจีบ
โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม
พอหอมแล้วใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม
พอหอมใหญ่สุกนิ่มดีแล้ว ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุกเล็กน้อย
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ
ผัดผสมให้เข้ากันจนเริ่มงวด (ตามภาพ)
พอส่วนผสมงวดดีแล้ว ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป
ผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นเป็นได้ ตักใส่จาน พักทิ้งไว้จนเย็น
ระหว่างที่รอไส้เย็น เตรียมผักทั้งหมดให้พร้อม หั่นแครอทเป็นสามเหลี่ยมสำหรับทำเป็นปากนก และเตรียมงาดำสำหรับทำเป็นตาเอาไว้
พอส่วนผสมไส้เย็นแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมจีบ
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิลงไป
นวดผสมด้วยมือ
เติมน้ำเปล่าลงไป ใช้มือนวดผสมจนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด (เคล็ดลับ : การใช้มือผสมสำคัญนะ จะได้รู้สึกถึงส่วนผสมว่าละลายดีไหม แป้งไม่เป็นเม็ดก็ใช้ได้)
เมื่อแป้งละลายเข้ากันดีแล้ว เทกรองผ่านผ้าขาวบาง
เทส่วนผสมแป้งลงกวนในกระทะทองด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งร่อนออกจากกระทะ
นำมานวดโดยโรยแป้งมันลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติดด้วย
ใช้ตัวช่วยนวดแป้งป้องกันมือพอง
พอแป้งอุ่นแล้วก็ใช้มือนวดแป้งตามปกติ
แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารทั้ง 4 สี (ผสมสีกับแป้งนิดเดียวพอ สีจะได้ออกมาแบบธรรมชาติ
ห่อแป้งแต่ละสีด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (แป้งจะได้ไม่แห้ง)
จากนั้นตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้นิดนึง
ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึก (พอให้ใส่ไส้ได้) นำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้งแล้วห่อปิดแป้งให้มิด จากนั้นทำให้รูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากแครอท ติดตางาดำ เตรียมไว้
ใช้แหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนกให้สวยงาม
ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไป จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไฟแรง นาน 5 นาที
เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นทาน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วขนม
เด็กรุ่นใหม่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับขนมจีบหมู ขนมจีบกุ้ง หรือขนมจีบปูกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็น "ขนมจีบนกไทย" หรือขนมจีบตัวนก เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินกันแน่ ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมจะชวนมาย้อนวันวานไปทำขนมจีบนกไทย อาหารว่างแบบไทยโบราณที่ในสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนทำขายจึงหากินได้ยากแล้ว ซึ่งวิธีทำขนมจีบนกไทยสูตรนี้มาจาก คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ดัดแปลงมาจากสูตรต้นตำรับของอาจารย์จันทิรา นวทิศพาณิชย์ จากโครงการอนุรักษ์ขนมไทย ที่ได้ถ่ายทอดไว้ในรายการครัวคุณต๋อยนั่นเอง
สิ่งที่ต้องเตรียม
ส่วนผสม ไส้ขนมจีบ
กระเทียม 3 กลีบ
รากผักชี 4-5 ราก
พริกไทย (ปริมาณมาก-น้อยตามชอบ)
หอมใหญ่ (ขนาดกลาง) สับละเอียด 1 หัว
เนื้อกุ้งสับละเอียด 400-500 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
สีผสมอาหารสีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า, สีม่วง
หมายเหตุ : แป้งน้อยกว่าไส้ไปหน่อยค่ะ ก็เลยทำเบิ้ลสูตรค่ะ ได้ออกมาพอดีค่ะ ถ้าใครไม่อยากทำเยอะก็ลดไส้ลงได้ค่ะ
อุปกรณ์
ชุดนึ่ง
ใบตอง
แหนบ (สำหรับจับจีบขนม)
อื่น ๆ
แครอท
งาดำ
น้ำมันกระเทียมเจียว
ผักกาดหอม
ผักชี
พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีผัดไส้ขนมจีบ
โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม
พอหอมแล้วใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม
พอหอมใหญ่สุกนิ่มดีแล้ว ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุกเล็กน้อย
ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ
ผัดผสมให้เข้ากันจนเริ่มงวด (ตามภาพ)
พอส่วนผสมงวดดีแล้ว ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป
ผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นเป็นได้ ตักใส่จาน พักทิ้งไว้จนเย็น
ระหว่างที่รอไส้เย็น เตรียมผักทั้งหมดให้พร้อม หั่นแครอทเป็นสามเหลี่ยมสำหรับทำเป็นปากนก และเตรียมงาดำสำหรับทำเป็นตาเอาไว้
พอส่วนผสมไส้เย็นแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมจีบ
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิลงไป
เติมน้ำเปล่าลงไป ใช้มือนวดผสมจนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด (เคล็ดลับ : การใช้มือผสมสำคัญนะ จะได้รู้สึกถึงส่วนผสมว่าละลายดีไหม แป้งไม่เป็นเม็ดก็ใช้ได้)
เมื่อแป้งละลายเข้ากันดีแล้ว เทกรองผ่านผ้าขาวบาง
เทส่วนผสมแป้งลงกวนในกระทะทองด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งร่อนออกจากกระทะ
นำมานวดโดยโรยแป้งมันลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติดด้วย
ใช้ตัวช่วยนวดแป้งป้องกันมือพอง
พอแป้งอุ่นแล้วก็ใช้มือนวดแป้งตามปกติ
แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารทั้ง 4 สี (ผสมสีกับแป้งนิดเดียวพอ สีจะได้ออกมาแบบธรรมชาติ
ห่อแป้งแต่ละสีด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (แป้งจะได้ไม่แห้ง)
จากนั้นตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้นิดนึง
ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึก (พอให้ใส่ไส้ได้) นำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้งแล้วห่อปิดแป้งให้มิด จากนั้นทำให้รูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากแครอท ติดตางาดำ เตรียมไว้
ใช้แหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนกให้สวยงาม
ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไป จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไฟแรง นาน 5 นาที
เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นทาน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วขนม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)